แนะนำการอ่านค่า Load Chart รถเครนเพื่อความปลอดภัยสูงสุด

main logo

การทำงานกับรถเครนจำเป็นต้องอาศัยความแม่นยำและมาตรฐานความปลอดภัยสูง การอ่านค่า Load Chart อย่างถูกต้อง จึงเปรียบเสมือนหัวใจสำคัญในการป้องกันอุบัติเหตุและความเสียหายต่อทั้งอุปกรณ์และผู้ปฏิบัติงาน และเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง บทความนี้จะมาอธิบายความหมายของการอ่านค่า Load Chart และคำศัพท์ที่ควรรู้ รวมถึงวิธีอ่านค่าอย่างมืออาชีพ

ตารางโหลดชาร์ต ( Load Chart) ของรถเครน

Load Chart คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร ?

ตารางโหลดชาร์ต  (Load Chart) คือเอกสารหรือกราฟที่แสดงความสามารถในการยกของรถเครนในสภาวะต่าง ๆ โดยจะกำหนดค่าน้ำหนักสูงสุดที่เครนสามารถยกได้ตามระยะการยก ความยาวของบูม และมุมบูมที่ใช้ การอ่านค่า Load Chart จึงถือเป็นทักษะพื้นฐานที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนต้องเรียนรู้ เพราะหากอ่านข้อมูลผิดพลาดอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง และสร้างความเสียหายต่อทั้งเครื่องจักรและคนงานที่กำลังปฏิบัติงานได้ 

ความสำคัญของการอ่านตารางโหลดชาร์ตรถเครนอยู่ที่การป้องกันการใช้งานเกินขีดความสามารถของเครน เช่น การยกของหนักเกินกว่าที่ตารางกำหนด หรือการยกในมุมที่ไม่ปลอดภัย การทำความเข้าใจตารางอย่างถูกต้องจะช่วยให้ผู้ควบคุมสามารถวางแผนงานยกได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

องค์ประกอบในการอ่านตารางโหลดชาร์ตโหลดเครน

สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกของการอ่านตารางโหลดชาร์ตรถเครน คือการทำความเข้าใจ “องค์ประกอบ” ของตารางโหลดน้ำหนักรถเครนทั้งหมด ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญก่อนนำไปใช้งานจริง เนื่องจากตารางนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ตัวเลขน้ำหนักเท่านั้น แต่ยังมีสัญลักษณ์ มุมบูม ระยะรัศมี และรายละเอียดอื่น ๆ ที่ผู้ปฏิบัติงานต้องตีความอย่างถูกต้องเพื่อให้การยกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด

หน่วยน้ำหนักและการระบุค่า

หนึ่งในองค์ประกอบที่ต้องให้ความสำคัญเช่นกันในการอ่านค่าก็คือ “หน่วยน้ำหนัก” ซึ่งโดยทั่วไปจะระบุหน่วยเป็นตัน (Ton) หรือกิโลกรัม (kg) ซึ่งผู้ใช้งานต้องทราบวิธีการแปลงหน่วยอย่างถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ตัวอย่างเช่น โหลดชาร์ตอาจกำหนดว่าสามารถยกได้สูงสุด 25 ตันที่ระยะ 5 เมตร แต่หากเข้าใจผิดว่าเป็นกิโลกรัม ผลลัพธ์อาจทำให้เกิดการใช้งานที่เกินขีดจำกัดทันที 

เพราะฉะนั้น การอ่านตารางโหลดชาร์ตรถเครนจึงควรเริ่มจากการตรวจสอบหน่วยที่ใช้ และทำการแปลงค่าเมื่อจำเป็น โดยยึดหลักความถูกต้องก่อนทุกครั้ง

คำศัพท์ที่ต้องทำความเข้าใจในการอ่านตาราง

  • Boom Length : ความยาวบูมที่ใช้ในการยก หากบูมยาวขึ้น น้ำหนักที่สามารถยกได้จะลดลง
  • Boom Angle : มุมบูมกับแนวนอน มุมที่สูงขึ้น จะสามารถยกน้ำหนักได้มากขึ้น
  • Jib Length : ความยาวของจิ๊ปที่ต่อจากบูมหลักเพื่อเพิ่มระยะยก แต่จะส่งผลให้กำลังการยกลดลง
  • Outrigger Setup : การกางขาเครนเพื่อเพิ่มความมั่นคง หากกางเต็มทุกด้านจะรองรับน้ำหนักได้มากกว่า
  • ตำแหน่งการยก (Slewing Position) : ทิศทางและองศาที่เครนหมุนไปยกของ ซึ่งมีผลต่อค่าการรับน้ำหนัก


การทำความเข้าใจคำศัพท์เหล่านี้จะช่วยให้ผู้ควบคุมสามารถใช้ตารางโหลดได้อย่างแม่นยำ และลดความผิดพลาดในการทำงาน

การอ้างอิงหมายเลขรุ่นและเงื่อนไขหน้างาน

แต่ละรุ่นของรถเครนจะมี Load Chart ที่แตกต่างกัน แม้จะเป็นเครนขนาดใกล้เคียงกันก็ตาม การใช้งานจึงต้องอ้างอิงตาม “หมายเลขรุ่น” ที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงเงื่อนไขหน้างาน เช่น พื้นที่ที่เข้าไปปฏิบัติงาน ความลาดเอียงของพื้นดิน หรือสิ่งกีดขวางรอบด้าน ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการยกของรถเครนด้วย

*ผู้ปฏิบัติงานจึงควรตรวจสอบ Load Chart ของรุ่นที่ใช้งานจริงและทำการประเมินหน้างานก่อนทุกครั้ง

วิธีอ่านค่า Load Chart อย่างถูกต้อง

วิธีการอ่านค่า Load Chart มีรายละเอียดต่าง ๆ ที่ต้องตรวจสอบเพื่อประสิทธิภาพขณะปฏิบัติงาน โดยจะต้องเช็กรายละเอียดในเรื่องต่อไปนี้ก่อนปฏิบัติงาน 

รู้จักวิธีอ่านค่าและวิธีคำนวณ Load Chart สำหรับรถเครน

  1. ระบุระยะยก (Working Radius) : วัดระยะห่างจากจุดหมุนของเครนถึงตำแหน่งของวัตถุที่ต้องการยก
  2. ตรวจสอบความยาวของบูม (Boom Length) : เลือกความยาวบูมที่ใช้ในการปฏิบัติงานจริง
  3. ดูมุมบูม (Boom Angle) : ตรวจสอบว่ามุมบูมสอดคล้องกับตาราง
  4. เปรียบเทียบกับค่าตาราง : ใช้ค่าที่ได้ไปเทียบกับตารางโหลด เพื่อหาน้ำหนักสูงสุดที่สามารถยกได้


นอกจากขั้นตอนการอ่านแล้ว ยังมี
วิธีคำนวณ Load Chart ที่ควรทราบ เช่น การบวกน้ำหนักรถเครนที่แท้จริงกับน้ำหนักของสลิง ตะขอ และอุปกรณ์ช่วยยกทั้งหมด เพื่อหาน้ำหนักรวม (Total Load) แล้วนำไปเทียบกับค่าที่กำหนดไว้ในตาราง หากผลลัพธ์ใกล้เคียงกับค่าสูงสุดที่กำหนด ควรเลือกเครนที่มีความสามารถสูงกว่าเพื่อความปลอดภัย

ตารางสูตรคำนวณ Load Chart

รายการ สูตร คำอธิบาย
น้ำหนักรวมที่ต้องยก Wt​ = Wl​+Wh​+Wa​ น้ำหนักรวม = วัตถุ (Load) + ตะขอ/บล็อก (Hook/Block) + อุปกรณ์ช่วยยก (Accessories)
เงื่อนไขการยกปลอดภัย Wt​ ≤ Wchart​(R) น้ำหนักรวมต้องไม่เกินค่ารับน้ำหนักที่อ่านค่าจาก ตาราง Load Chart ของรุ่นนั้น ๆ
เผื่อค่าความปลอดภัย Wt ​≤ α⋅Wchart​(R) ใช้ค่า α=0.75−0.85\alpha = 0.75{-}0.85α=0.75−0.85 (75–85%) เพื่อความปลอดภัยเพิ่มเติม

เกร็ดน่ารู้: การคำนวณเผื่อค่า Safety Load Limit (SLL) ประมาณ 75–85% ของน้ำหนักสูงสุดที่ตารางกำหนด ถือเป็นแนวทางปฏิบัติที่ปลอดภัยและเป็นมาตรฐานในหลายโครงการ

เลือกรถเครนคุณภาพ เลือก XCMG แบรนด์ที่ได้รับการยอมรับระดับโลก

การเข้าใจ Load Chart คือพื้นฐานสำคัญในการเลือกใช้งานรถเครนให้เหมาะกับหน้างานมากที่สุด และถ้าคุณกำลังมองหารถเครนคุณภาพสูงที่ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย ได้รับการยอมรับในระดับโลกอย่าง XCMG สามารถเลือกซื้อได้ที่ บริษัท โอ.ซี.อาร์ จำกัด (O.C.R.) เราเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย พร้อมให้คำปรึกษาและนำเสนอรุ่นที่ตอบโจทย์การทำงานของคุณ สนใจสอบถามเพิ่มเติม ติดต่อ Call Center: 02-430-5555

ข้อมูลอ้างอิง:

  1. How to Read a Crane Load Chart. สืบค้นหาเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2568 จาก https://lagrangecrane.com/blog/how-to-read-a-crane-load-chart/ 

 

สินค้าแนะนำ

ไม่พบข้อมูล
สั่งซื้ออะไหล่