แนวทางการบำรุงรักษารถตักล้อยางเพื่อลดต้นทุนระยะยาว

main logo

ไม่ว่าจะเป็นไซต์งานก่อสร้าง โรงโม่หิน หรือเหมืองแร่ รถตักล้อยาง (Wheel Loader) ถือเป็นเครื่องจักรหัวใจสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการทำงานในแต่ละวัน เปรียบเสมือนม้างานอันทรงพลังที่พร้อมใช้งานอยู่เสมอ แต่การใช้งานอย่างหนักหน่วงย่อมมาพร้อมกับการสึกหรอที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การดูแลบำรุงรักษาอย่างถูกวิธีจึงไม่ใช่แค่ “ทางเลือก” แต่เป็น “สิ่งจำเป็น” เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังจะช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานที่สุด และที่สำคัญคือสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานในระยะยาวได้อีกด้วย

บทความนี้จึงจะมาแนะนำขั้นตอนและวิธีดูแลรถตักล้อยางอย่างครอบคลุม ตั้งแต่การตรวจสอบเบื้องต้นไปจนถึงการบำรุงรักษาระบบต่าง ๆ เพื่อให้เครื่องจักรของคุณพร้อมใช้งานอยู่เสมอ

ช่างถอดชิ้นส่วนออกมาเพื่อทำการบำรุงรักษารถตักล้อยาง

การตรวจสอบประจำวัน (Daily Walk-Around Check)

ก่อนสตาร์ตเครื่องยนต์เพื่อเริ่มงานในแต่ละวัน การสละเวลาเพียง 10-15 นาทีในการดูแลรถตักล้อยาง โดยเดินสำรวจรอบตัวรถ เปรียบเสมือนการตรวจสุขภาพเบื้องต้นที่สามารถตรวจพบความผิดปกติเล็ก ๆ น้อย ๆ พร้อมจัดการแก้ไข ก่อนที่จะลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่และต้องเสียค่าซ่อมราคาแพง โดยสิ่งที่ผู้ควบคุมเครื่องจักรควรตรวจสอบเป็นประจำ มีดังนี้

  • ตรวจสอบระดับของเหลว
    • น้ำมันเครื่อง : ดึงก้านวัดออกมาเช็ดให้สะอาดแล้วเสียบกลับเข้าไปจนสุดก่อนดึงออกมาดูระดับอีกครั้ง ควรอยู่ระหว่างขีด Min และ Max
    • น้ำยาหล่อเย็น : ตรวจสอบระดับในถังพัก ควรอยู่ในระดับที่กำหนดในขณะที่เครื่องเย็น
    • น้ำมันไฮดรอลิก : ตรวจสอบผ่านตาแมวหรือก้านวัด ระดับควรอยู่ในเกณฑ์ที่ถูกต้องเพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
    • น้ำมันเกียร์ : ตรวจสอบตามคำแนะนำของผู้ผลิต ซึ่งมักจะให้ตรวจสอบขณะติดเครื่องยนต์เดินเบา
    • น้ำมันเชื้อเพลิง : เติมให้เพียงพอต่อการทำงาน และควรใช้เชื้อเพลิงที่สะอาดได้มาตรฐาน
  • มองหาสิ่งผิดปกติใต้ท้องรถ : หลังจากจอดทิ้งไว้ข้ามคืน ให้ก้มมองใต้ท้องรถเพื่อหาร่องรอยการรั่วซึมของของเหลวต่าง ๆ เช่น น้ำมันเครื่อง, น้ำมันไฮดรอลิก หรือน้ำยาหล่อเย็น การพบรอยรั่วตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยป้องกันความเสียหายรุนแรงต่อระบบได้
  • สภาพยางและล้อ
    • แรงดันลมยาง : ตรวจสอบแรงดันลมยางทุกเส้นในขณะที่ยางยังเย็นอยู่ แรงดันที่ไม่ถูกต้องจะส่งผลต่อการทรงตัว การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และทำให้อายุยางสั้นลง
    • สภาพแก้มยางและดอกยาง : มองหารอยบาด, บวม, ฉีกขาด หรือมีเศษวัสดุฝังอยู่ เพื่อตรวจสอบการสึกหรอที่ผิดปกติ
    • นอตล้อ : ตรวจเช็กด้วยสายตาว่านอตล้อยังอยู่ครบและไม่มีร่องรอยของการคลายตัว
  • ระบบไฟส่องสว่างและสัญญาณ : เปิดสวิตช์กุญแจและทดสอบระบบไฟทั้งหมด ทั้งไฟหน้า, ไฟท้าย, ไฟเลี้ยว, ไฟฉุกเฉิน และสัญญาณเสียงต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยในการทำงาน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีเครื่องจักรอื่น ๆ หรือมีบุคลากรทำงานร่วมด้วย
  • สภาพบุ้งกี๋และจุดขยับ
    • ฟันบุ้งกี๋และคมตัด : ให้ตรวจสอบการสึกหรอ, รอยร้าว หรือการแตกหัก
    • สลักและบูช : มองหาการหลุดหลวมหรือการสึกหรอที่มากเกินไป
  • อัดจาระบีในจุดใช้งานหลัก : สำหรับรถตักที่ต้องทำงานหนักตลอดทั้งวัน จุดเคลื่อนที่สำคัญ เช่น สลักแขนตักและสลักบุ้งกี๋ควรได้รับการตรวจสอบและอัดจาระบีเป็นประจำทุกวันก่อนเริ่มงาน เพื่อสร้างชั้นฟิล์มหล่อลื่น ลดการเสียดสี และยืดอายุการใช้งานของสลักและบูชให้ยาวนานที่สุด
  • ไล่น้ำออกจากกรองดักน้ำ : อีกหนึ่งวิธีดูแลรถตักล้อยางคือก่อนสตาร์ตเครื่องยนต์ในแต่ละวัน ควรเปิดวาล์วที่กรองดักน้ำ (Fuel-Water Separator) เพื่อระบายน้ำและตะกอนที่อาจปนเปื้อนมากับน้ำมันเชื้อเพลิงออกไปทุกครั้ง การทำเช่นนี้เป็นประจำจะช่วยปกป้องระบบเชื้อเพลิงที่สำคัญอย่างปั๊มและหัวฉีด ไม่ให้เกิดความเสียหายก่อนเวลาอันควร

 

การบำรุงรักษารถตักล้อยางช่วยให้สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ

การบำรุงรักษาตามระยะ (Scheduled Maintenance)

นอกเหนือจากการดูแลรถตักล้อยางรายวันแล้ว การบำรุงรักษารถตักล้อยางตามชั่วโมงการทำงานที่ผู้ผลิตกำหนดเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด เพราะเป็นการดูแลชิ้นส่วนในเชิงป้องกันก่อนที่จะเกิดความเสียหาย ทั้งยังช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาประสิทธิภาพของเครื่องจักรไว้สูงสุด

  • ทุก 250 ชั่วโมง
    • เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรอง : หัวใจของการบำรุงรักษารถตักล้อยางส่วนเครื่องยนต์คือการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องที่สะอาดและไส้กรองใหม่ตามระยะ เพื่อการหล่อลื่นและระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ
    • ตรวจสอบและปรับตั้งสายพาน : ตรวจเช็กความตึงและความสมบูรณ์ของสายพานหน้าเครื่อง หากพบว่าหย่อนหรือมีร่องรอยแตกลายงา ควรปรับตั้งหรือพิจารณาเปลี่ยนใหม่
    • ทำความสะอาดหม้อน้ำและแผงคอยล์ : ใช้ลมเป่าทำความสะอาดฝุ่นหรือเศษดินที่อาจอุดตันบริเวณแผงระบายความร้อน เพื่อให้ระบบระบายความร้อนทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  • ทุก 500 ชั่วโมง
  • เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ : เป็นการดูแลรถตักล้อยางเพื่อดูแลรักษาระบบส่งกำลังให้ทำงานได้อย่างราบรื่นและลดการสึกหรอของชิ้นส่วนภายในชุดเกียร์
  • ทุก 1,000 ชั่วโมง :
    • เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเพลาและเฟืองท้าย (Axle & Final Drive Oil) : ทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันในชุดเพลาหน้าและหลังทั้งหมด เพื่อดูแลชุดเฟืองท้ายและ Planetary Gears (เกียร์แพลนเน็ตทารี่) ที่ต้องรับแรงบิดสูงตลอดเวลา
    • เปลี่ยนไส้กรองไฮดรอลิก : ดักจับเศษโลหะและความชื้นในระบบไฮดรอลิก ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานของกระบอกสูบและปั๊ม
  • ทุก 2,000 ชั่วโมง
    • เปลี่ยนถ่ายน้ำมันไฮดรอลิก : เปลี่ยนถ่ายน้ำมันไฮดรอลิกทั้งระบบเพื่อให้มั่นใจว่าน้ำมันมีความสะอาดและมีคุณสมบัติการหล่อลื่นยังคงสมบูรณ์
    • เปลี่ยนถ่ายน้ำยาหล่อเย็น : เพื่อป้องกันการเกิดสนิมและการผุกร่อนในระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์
    • ตรวจสอบและปรับตั้งวาล์วเครื่องยนต์ : เพื่อให้การเผาไหม้สมบูรณ์และเครื่องยนต์ทำงานได้เต็มกำลัง

การบำรุงรักษารถตักล้อยางที่ดีจะช่วยยืดอายุการใช้งานได้อย่างมหาศาล อย่างไรก็ตาม การเริ่มต้นด้วยเครื่องจักรที่มีคุณภาพและทนทานคือรากฐานที่สำคัญที่สุด โดยหากคุณกำลังมองหารถตักดินใหญ่จากแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกอย่าง XCMG สามารถเลือกซื้อได้ที่ บริษัท โอ.ซี.อาร์ จำกัด (O.C.R.) เราคือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ที่พร้อมนำเสนอรถตักล้อยางที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะและความแข็งแกร่ง มาพร้อมบริการหลังการขายที่ครบวงจรและทีมช่างผู้ชำนาญการ ที่จะคอยดูแลให้เครื่องจักรของคุณทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและคุ้มค่ากับการลงทุนในระยะยาว สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ Call Center: 02-430-5555

ข้อมูลอ้างอิง:

สินค้าแนะนำ

ไม่พบข้อมูล
สั่งซื้ออะไหล่