บริษัท โอ.ซี.อาร์. ตัวแทนอย่างเป็นทางการ ให้บริการจำหน่ายอะไหล่กรองเกียร์ ไส้กรองเครื่อง ไส้กรองน้ำมันเครื่อง ไส้กรองน้ำมันไฮดรอลิก จากแบรนด์ชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ XCMG, Donaldson, Dynapac, Shanghai, ZF, Cummins, Fleetguard, Yuchai, Weichai ที่มาพร้อมกับบริการที่เหนือชั้นเพื่อให้คุณมั่นใจในการใช้งานอะไหล่ทุกชิ้น
ตัวกรองสินค้า
สินค้าประเภทอื่น
วิธีเลือกยางให้เหมาะสมกับรถและการใช้งาน
1. สังเกตุ ตัวอักษรระบุไว้ข้างยางเส้นเก่าเช่น Tube tyre หรือ Tubeless
2. สังเกตลักษณะของจุ๊บลมว่าเป็นแบบไหน หรือถ่ายรูปส่งรายละเอียดให้ทางร้านช่วยตรวจสอบ (กรณีที่ตัวอักษรข้างยางลบจนมองไม่เห็น)
3. สังเกตุที่ล้อรถตัก ถ้ากระทะล้อเป็นคิ้ว(มีเหล็กประกบด้านข้างกระทะ) แสดงว่าเป็นล้อแบบที่ใช้ยางใน แต่กรณีที่เป็นกระทะล้อแบบไม่มีคิ้ว จะใส่กับยางนอกที่ไม่ใช้ยางใน (Tubeless) แต่ก็มีบางเคสที่กระทะล้อแบบนี้ถูกดัดแปลงให้ใส่ยางแบบใช้ยางใน (Tube tyre)ได้เช่นกัน
ดอกยางของรถตัก มีทั้งหมด 3 แบบ
1) L2 ดอกยางแบบนี้มีแรงฉุดสูงและสามารถสะบัดเศษหิน ดิน ทรายได้ดี เหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่ดินโคลนหรือพื้นที่อ่อนนุ่ม.
2) L3 ดอกยางแบบนี้มีความทนทานต่อหิน กรวด เหมาะสำหรับใช้งานบนพื้นผิวขรุขระและมีอุปสรรคมากกว่าการใช้งานรถตักทั่วไป.
3) L5 ดอกยางชนิดนี้มีความลึกของดอกยางมาก ช่วยเพิ่มความทนทานต่อการใช้งานและให้อายุการใช้งานที่ยาวนาน เหมาะสำหรับใช้งานในเหมืองขนาดใหญ่ หรือพื้นที่ที่มีการใช้งานหนัก.
การเลือกดอกยางรถตักให้เหมาะสมกับการใช้งานนั้น ควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ลักษณะของพื้นหน้างาน ประเภทงาน และความถี่ในการใช้งาน หากใช้งานในพื้นที่เป็นดินโคลนหรือพื้นที่อ่อนนุ่ม ควรเลือกลายดอกยางแบบ L2 หรือ L3 แต่หากใช้งานในพื้นที่ขรุขระหรือมีอุปสรรคมาก ควรเลือกลายดอกยางแบบ L3 หรือ L5 นอกจากนี้ หากใช้งานในเหมืองขนาดใหญ่ หรือต้องการความทนทานสูง ควรเลือกลายดอกยางแบบ L5
ยางรถบรรทุกที่นิยมใช้ในประเทศไทย
เป็นยางที่ ไม่มียางใน ข้อดีของยางประเภทนี้คือ ตัวยางหน้ากว้าง ยึดเกาะถนนสูง รีดน้ำได้ดี วิ่งล่องวิ่งไกลทนทาน ราคาต่อเส้นเมื่อเทียบกับยางผ้าใบที่ใช้ยางใน และยางรองแล้ว บางตัวจะมีราคาที่ถูกกว่า แต่รถส่วนใหญ่ที่ซื้อมาจากศูนย์ กระทะที่มาพร้อมรถ มักจะเป็นกระทะล้อแบบคิ้ว(ใช้ยางใน) ทำให้คนที่จะเปลี่ยนมาใช้ยางเรเดียล จำเป็นต้องเปลี่ยนกะทะใหม่ เพื่อให้สามารถใช้งานกับยางชนิดที่กล่าวมาข้างต้นได้
ยางชนิดนี้โครงสร้างเป็นแบบผ้าใบ จะต้องใช้ยางในและยางรองควบคู่ทุกครั้งเมื่อใช้งาน หน้ายางจะแคบกว่ายางเรเดียลเล็กน้อย แต่ข้อดีคือตัวยางมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับงานดินหรือรถที่ต้องเข้าหน้างานบ่อยๆตัวรถและยางต้องทนต่อแรงบิดและแรงเค้นจากด้านข้าง ทำให้ไม่เกิดปัญหาเมื่อใช้งานอย่างหนัก และยางชนิดนี้จะง่ายต่อการซ่อมแซมเมื่อเกิดปัญหาอีกด้วย
สำหรับดอกยางแบ่งออกเป็น 4 แบบ คือ
1. ดอกละเอียด ( RIB PATTERN ) มีลักษณะเป็นลายดอก และร่องที่คดโค้งหรือเป็นเหลี่ยมเป็นแถวยาวตามเส้นรอบวงของยาง ร่องยางตื้นช่วยในการระบายความร้อน เกาะถนนได้ดี บังคับเลี้ยวได้ง่ายป้องกันการลื่นไถลออกด้านข้างได้ดีเยี่ยม ดอกยางชนิดนี้เหมาะสมอย่างยิ่งกับรถโดยสาร
2. ดอกบั้ง ( LUG PATTERN ) ดอกบั้งมีลักษณะลายดอกและร่องยางเป็นแนวขวางกับเส้นรอบวงของยาง โดยร่องยาง จะมีความลึก เนื้อยางมีมาก เวลารถเคลื่อนที่จะเกิดแรงกรุยสูง และมีอายุการใช้งานทนทานกว่าดอกยางแบบอื่น ๆ เหมาะกับ รถบรรทุกขนาดใหญ่ ดอกบั้งเอาไว้ใส่ล้อจักรเพื่อให้แรงกรุยสูงขณะออกตัวหรือขึ้นที่ชันใช้ในสภาพถนน นอกทางหลวง เป็นส่วนใหญ่
3. ดอกผสม ( RIB –LUG PATTERN ) ยางแบบดอกผสมเป็นการผสมระหว่างยางดอกละเอียดและลายดอกบั้ง โดยตรงกลางของหน้ายางจะเป็นลายแบบยางดอกละเอียด แต่ด้านซ้ายและขวาเป็นลายดอกบั้งยางดอกผสมนี้จึงเกาะถนนป้องกันรถไถลออกด้านข้าง และยังมีแรงกรุยดี วิ่งบนทางขรุขระหรือลาดยางก็ได้ เหมาะกับรถที่วิ่งด้วยความเร็วปานกลาง
4. ดอกบล็อก (BLOCK ) ยางชนิดนี้มีหน้ายางเป็นลักษณะก้อนเหลี่ยมหรือโค้งมน เรียงตัวกันคล้ายอิฐบล็อกปูทางเดิน แต่จะมีช่องว่างระหว่างบล็อก ซึ่งถ้ามองตามเส้นรอบวงของยาง จะเห็นร่องเหมือนกับยางดอกละเอียดเหมาะที่จะใช้กับทุกสภาพถนน ไม่ว่าจะเป็นบนพื้นทราย หรือโคลน มีสมรรถนะเกาะถนนได้ดีมาก ผู้ขับขี่บังคับเลี้ยวหยุดรถได้ง่าย ปัจจุบันมีใช้กับยางเรเดียล ที่ใช้ความเร็วสูง โดยเฉพาะรถเก่า